วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

การบันดาลโทสะ

มาตรา ๗๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา "ผู้ใดบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้"

ดังนั้นผู้ที่จะอ้างบันดาลโทสะได้ตามกฎหมาย จะต้อง
๑. มิใช่เป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุแห่งการข่มเหงด้วย เพราะ ผู้ที่จะอ้างเหตุบรรเทาโทษได้ตามกฎหมาย จะต้องมิใช่เป็นต้นเหตุให้เกิดการข่มเหงนั้นด้วยครับ
ดังนั้นหากเราเดินไปตบหัวคนอื่นเล่น จนคนที่ถูกตบลุกขึ้นมาเอาไม้มาทุบเราบ้าง แต่เรากลับโกรธขึ้นมา จึงชักอาวุธปืนยิงไป ๑ นัด
จะเห็นได้ว่า เหตุที่ทำให้เราโกรธนั้น ก็เนื่องจากเราเอง เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น
กรณีนี้ เราจึงไม่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกผู้ตายเอามาทุบได้ เพราะถือว่าเราเป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุแห่งการข่มเหงนั้นเอง

๒. ผู้อ้างบันดาลโทสะ จะต้องบันดาลโทสะ เพราะตนเองถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม นั้น คือ การข่มเหงรังแกหรือรบกวนทำให้เดือดร้อนโดยไม่มีเหตุอันสมควรที่จะกระทำเช่นนั้น
ทั้งการข่มเหงนั้น เป็นเรื่องหรือมีลักษณะที่เรื่องที่ร้ายแรงโดยปราศจากเหตุผล และการข่มเหงนั้น ทำให้ผู้ก่อเหตุ เกิดโทสะหรือความโกรธจนไม่อาจยับยั้งได้
ซึ่งตรงนี้อย่างใด เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ

๓. ผู้นั้นได้ลงมือกระทำผิด ต่อผู้ที่มาข่มเหงในขณะทันทีทันใด หรือกระชันชิดภายหลังถูกข่มเหง
ผู้ที่จะอ้างเหตุบันดาลโทสะได้ นั้นต้องทำร้าย ฆ่า หรือทำความผิดต่อผู้ที่มาข่มเหงภายหลังทันทีที่ถูกข่มเหง หรือภายหลังจากนั้น แต่ระยะเวลาต้องกระชั้นชิดด้วย
เพราะหากปล่อยทิ้งนานไป ศาลมักจะถือว่าเราน่าจะคลายความโกรธลงไปแล้ว เช่น นาย ก. เดินมา ชกหน้าเรากลางตลาด และพูดจาเย้ยดูถูกต่อหน้าผู้คน ถ้าเราชกนาย ก หรือยิงนาย ก ในตอนนั้นทันที เราสามาถอ้างบันดาลโทสะได้ครับ  แต่หากเราไม่ยิงหรือชกไป แต่กลับบ้านไปจนรุ่งเช้าจึงนำอาวุธปืนมายิง นอกจากจะอ้างบันดาลโทสะไม่ได้แล้วเพราะมิได้กระทำต่อผู้ที่มาข่มเหงในขณะนั้น ยังถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยซ้ำ



คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๘๖/๒๕๔๖ ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้พูดจาดูถูกจำเลยก่อนในลักษณะที่จำเลยเหมือนของเล่นได้แล้วจะเลิก เมื่อไรก็ได้ และเป็นหญิงใจง่ายหลอกกินเงินได้ เมื่อจำเลยโกรธและใช้รองเท้าตบหน้าผู้ตาย ผู้ตายกลับตามไปทำร้ายจำเลยอีก จนจำเลยทนไม่ได้เดินไปที่ห้องพักนำมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ ๑ ฟุตครึ่ง กลับมาใช้ปาดคอผู้ตาย ซึ่งเหตุการณ์ตั้งแต่ผู้ตายพูดจาดูถูกจำเลยแล้วจำเลยกลับไปบ้านพักนำมีดมา ปาดคอจนผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น เป็นระยะเวลาที่สืบเนื่องเชื่อมโยงติดต่อกันมาโดยตลอดในขณะนั้นเองและเป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ขาดตอน เนื่องจากห้องพักของจำเลยกับที่เกิดเหตุห่างกันไม่มากนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์ตระเตรียมการหรือวางแผนฆ่าผู้ตายมาก่อนการ กระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๓๐๕/๒๕๔๓ จำเลยไปหาผู้ตายเพราะความเจ็บใจซึ่งเกิดมานานแล้ว เมื่อจำเลยเห็นผู้ตายก็ยิงผู้ตายทันที ในวันเกิดเหตุจำเลยเป็นฝ่ายลงมือก่อเหตุจะไปเผาบ้านที่ผู้ตายพักอาศัยอยู่ โดยเตรียมน้ำมันเบนซิน ไฟแช็ก ตลอดจนเตรียมยากำจัดหนูเพื่อจะฆ่าตัวตายพร้อมกับผู้ตาย บังเอิญเมื่อมาที่ห้องนอนผู้ตายพบอาวุธปืนจึงคิดจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและ ฆ่าตัวตายตาม มูลเหตุที่จูงใจให้กระทำผิด เกิดจากความเจ็บแค้นใจซึ่งมีอยู่เดิม กรณีมิใช่บันดาลโทสะโดยถูกข่มเหง อย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น